Pages

Friday, July 24, 2015

ไล่เด็กออก

ใหนก็ได้เขียนเรื่องการให้เด็กพักการเรียนไปแล้ว เดี๋ยวขอต่อด้วยการไล่เด็กออกเลยก็แล้วกันนะครับ

โรงเรียนรัฐบาลกับโรงเรียนเอกชนจะมีนโยบายไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไหร่ โรงเรียนเอกชนถ้าเมื่อไหร่นึกยากจะไล่เด็กออก อาจจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ สามารถไล่เด็กออกได้เลย ไม่ต้องรีรออะไรใดๆทั้งสิ้น

แต่โรงเรียนรัฐบาลที่ออสเตรเลียไม่ใช่จู่ๆเราจะสามารถไล่เด็กออกจากโรงเรียนได้เลย ต่อจะให้เด็กดื้อยังไงก็เถอะ เพราะเราต้องดูแลสวัสดิการเรื่องการศึกษาของเด็ก และนั่นก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องรับผิดชอบ เพราะกฏหมายที่นี่บังคับว่าเด็กต้องมีการศึกษาไม่ทางใดก็ทางหนึ่งจนกว่าเด็กจะอายุ 17 ปี ในเมื่อโรงเรียนเอกชนสามารถที่จะไล่เด็กออกได้ตลอดเวลา ดังนั้นโรงเรียนรัฐบาลก็จะต้องแบกรับภาระในเรื่องสวัสดิการทางการศึกษาของเด็ก

การที่โรงเรียนรัฐบาลจะสามารถไล่เด็กนักเรียนออกได้นั้น โรงเรียนก็ต้องโชว์ว่าเราได้พยายามทุกวิถีทางแล้วที่จะดูแลเด็ก และให้สวัสดิการทางศึกษาแก่เด็ก การที่เราจะไล่เด็กออก เราก็ต้องหาโรงเรียนใหม่ให้เด็กไปเรียน จริงๆมันก็เหมือนกับการทำงานร่วมมือกันระหว่าโรงเรียน 2 โรงเรียน เพราะการที่เราไล่เด็กออกจากโรงเรียนเรา ก็เหมือนกับเป็นการบังคับย้ายให้เด็กไปเรียนที่โรงเรียนอื่น เพราะยังไงๆก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องดูแลสวัสดิการการเรียนของเด็กอยู่ดี

การที่เราจะไล่เด็กนักเรียนออกได้นั้น เด็กก็ต้องแบบว่าปีหนึ่งมีประวัติโดนให้หยุดพักการเรียนบ่อยมาก เรื่องประวัติก็ไม่ต้องห่วงครับ เพราะโรงเรียนที่ออสเตรเลียมีระบบคอมพิวเตอร์ที่เก็บข้อมูลเด็กไว้แทบทุกอย่าง ผ.อ. หรือรอง ผ.อ. มาสามารถดึงข้อมูลออกมาดูได้ตลอดเวลา ฐานระบบข้อมูลที่นี่ต้องดีมากๆ ดังนั้นครูทุกคนเราถึงจำเป็นที่จะต้องบันทึกเหตุการณ์อะไรต่างๆที่เกิดขึ้นในห้องเรียนหรือในบริเวณโรงเรียนตลอดเวลา เพราะข้อมูลพวกนี้จะได้เอานำไปประมวลผลต่อไป ทำอะไรอยู่ที่ออสเตรเลียเราก็ต้องมีข้อมูล มี data จู่ๆเราจะไปกล่าวหาเด็กนักเรียนว่าดื้อ หรือมีความประพฤติไม่เหมาะสม นั่น นี่ โน่น ไม่ได้ ดังนั้น data จึงสำคัญมาก

การที่โรงเรียนจะสามารถไล่เด็กออกได้ ทางโรงเรียนก็ต้องโชว์ว่าทางโรงเรียนได้ทำทุกวิถึทางแล้วที่จะช่วยเหลือและดูแลสวัสดิการทางการศึกษาของเด็ก และเราก็ต้องคุยกับทางผู้ปกครองอยู่เรื่อยๆว่าจะเอายังไงกับเด็กนักเรียนดี เพราะถ้าอยู่ที่เดิมแล้วการเรียนเด็กไม่คืบหน้า หรือความประพฤติไม่พัฒนาขึ้นเลย อีกทางเลือกต่อไปก็คือต้องโดนไล่ออก

การไล่เด็กนักเรียนออกไม่ใช่เป็นการทำโทษเด็ก แต่ทางโรงเรียนมองว่าเป็นการเปลี่ยนสภาพแวดล้อม เพราะโรงเรียนได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว ถ้าเด็กยังไม่ปรับปรุงตัวเองอีก ก็คงถึงเวลาที่จะต้องย้ายโรงเรียนแล้วหละ แต่เป็นแบบบังคับย้าย

การที่เราไล่เด็กออก อีกอย่างหนึ่งก็คือเป็นการรักษาสภาพแวดล้อมทางการศึกษาของโรงเรียนด้วย และก็เป็นการดูแลสวัสดิการของครูผู้สอนด้วย เพราะถ้าครูได้ทำหน้าเราอย่างดีที่สุดแล้ว ถ้าสถานการณ์ยังไม่ปรับปรุง เด็กทนอยู่ไป ครูก็ปวดหัวเปล่าๆ เพราะที่โรงเรียนก็ต้องดูแลสวัสดิการของครูด้วย ไม่งั้นครูก็จะพากันลาออกไปหมด

เด็กที่โดนไล่ออกส่วนมากก็จะแบบว่าเป็นเด็กเหลือขอแล้ว ทางโรงเรียนทำทุกอย่างแล้ว ก็ประมาณว่า เออ ถ้าอยู่นี่ไม่ได้แล้ว ก็ไปๆที่อื่นสะเถอะ อะไรประมาณเนี๊ยะ

เด็กนักเรียนฝรั่งเหลือขอมีเยอะนะครับ อย่าคิดว่าไม่มี

เดี๋ยวโอกาสหน้า คงจะได้โอกาสเขียนเรื่องเด็กเหลือขอกันนะครับ

No comments:

Post a Comment