โรงเรียนที่ได้ไปสอนเป็นเรื่องเป็นราวครั้งแรก เป็นโรงเรียนอยู่ในแหล่งชุมชนคนที่มีรายได้น้อย ผู้คนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านการเคหะของรัฐบาล คนส่วนมากที่นี่จะติดยาเศษติด ไม่มีงานทำ (รัฐบาลเลี้ยงดู) และห่างไปอีก 5 นาทีก็จะเป็นเมืองที่มีชื่อในเรื่องของแหล่งขายบริการทางเพศ
สรุปคือปัญหาอาชญากรรมอะไรต่างๆที่นี่ก็เยอะ
เราก็ได้สัญญาว่าจ้างการสอนอยู่ที่นี่ 2 เทอม (ปีหนึ่งมี 4 เทอม) และเราก็เป็นครูเอเชียคนเดียวในโรงเรียนด้วยสิ นักเรียนคนเอเชียที่นี่ก็เยอะ เพราะโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนเดียวในระแวกนี้ที่เป็นศูนย์เรียนภาษาอังกฤษด้วย สำหรับเด็กนักเรียนที่มาอยู่ที่ออสเตรเลียใหม่ๆ เด็กนักเรียนไทยที่นี่ก็เยอะ ส่วนมากก็จะเป็นนักเรียนไทยที่ติดตามแม่มา เพราะแม่มาแต่งงานกับฝรั่ง เยอะแยะครับ มีทุกรูปแบบ เด็กนักเรียนไทยที่โรงเรียนนี้เรารู้จักพ่อแม่เด็กก็เยอะอยู่เหมือนกัน
เด็กไทยอยู่ที่โรงเรียนนี้จะไม่ค่อยเฮี้ยวเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะเป็นช่วงแรกๆของการมาอยู่ต่างประเทศ ลวดลายอะไรต่างๆยังไม่ออกมาให้เห็นก็เป็นได้
เด็กที่เฮี้ยวที่นี่ก็จะเป็นเด็กฝรั่งสะเป็นส่วนใหญ่ ส่วนมากคนย่านแถวนี้จะมีเชื้อสายอิตาลี่ และมาซิโดเนียเยอะ (พ่อแม่หนีสงครามมาสมัยก่อน) แต่ละคนเนี๊ยะดื้อเอาการเลยทีเดียว
เราก็ได้ไปสอนวิชาคณิตศาสตร์และคอมพิวเตอร์ ได้สอน ม.1, ม.3, และ ม.5 ครั้งแรกที่ได้สอนที่โรงเรียนนี้ ห้องที่ดื้อที่สุดคือห้อง ม.3 ส่วนเด็ก ม.1 และ ม.5 ก็ไม่ค่อยดื้อเท่าไหร่
เนื่องด้วยว่าเราเป็นครูใหม่ เด็กๆก็อยากจะลองของเป็นเรื่องธรรมดา เราบอกอะไรไปเด็กก็จะไม่ค่อยจะฟังกันอะไรสักเท่าไหร่หรอก เราสอนอะไรไปเด็กเค๊าก็ไม่สนใจ คุยกันอยู่นั่นแหละ ก็ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันนักกันหนา และที่น่าเจ็บใจที่สุดก็คือ ทันทีที่เราหันหน้าเข้ากระดานนะ เด็กๆที่เค๊าดื้อๆ ก็จะปากระดาษกันไปหน้าห้องมั่ง พับเป็นกระดาษจรวดโยนไปที่หน้าห้องมั่ง เราก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะคิดว่ามาสอนแทนแค่ชั่วคราว 2 เทอม จริงๆแล้วเราไม่ควรคิดอย่างนั้นหรอกนะ แต่ตอนนั้นมันไม่มีวิญญาญของความเป็นครูเลย คือเราก็เคยเป็นแต่คอมพิวเตอร์โปรแกรมเมอร์ และเจ้าของธุรกิจ แล้วจู่ๆก็ได้มาเป็นครู คือแบบว่า มันคนละอารมณ์กันเลย
เราก็คิดเสียแต่ว่า เออหนะ มาสอนไปวันๆ เสร็จแล้วก็ได้ตังค์ ตอนนั้นยังไม่ได้ทุ่มเทอะไรกับการสอนเหมือนตอนนี้
มีอยู่วันหนึ่ง เด็กนักเรียน ม.3 คนหนึ่ง ออกจะนักเลงนิดๆ มาเรียนแต่ละคาบไม่เคยจดอะไรเลย เดี๋ยวก็บอกว่าไม่มีสมุดมั่งหละ เดี๋ยวก็บอกว่าไม่มีปากกามั่งหละ คือแบบว่าเป็นอะไรที่น่าเบื่อที่สุด และวันนั้นเด็กนักเรียนคนนี้ก็อารมณ์ใหนก็ไม่รู้ เดินมาหน้าห้อง ยืนอยู่ใกล้ๆถังขยะหน้าห้อง ซึ่งก็อยู่ใกล้ๆเราด้วย แล้วเด็กก็มายืนปอกเปลือกส้มแล้วก็กินต่อหน้าต่อตาแบบว่าไม่เกรงใจครูเลย เพราะปกติแล้วโรงเรียนที่ออสเตรเลีย ห้ามกินและดื่มในห้องเรียนอยู่แล้ว
แต่เด็กคนนี้คือแบบว่าท้าทายมาก และก็คงอยากจะโชว์ออฟ show off ให้เพื่อนๆในห้องด้วยมั๊ง พอเราบอกว่าห้ามกินอะไรในห้องนะ เค๊าก็แบบว่าหยิบส้มเข้าปากแล้วก็มองหน้าเราอย่างสะใจ ยิ้มกวนๆนิดๆ เพื่อนๆในห้องก็หัวเราะชอบใจกันใหญ่ สรุปคือเท่ห์มากว่างั้นเถอะ ส่วนเราเองตอนนั้นก็ได้แต่อดทน ด้วยความที่ว่าเราไม่มีประสบการณ์ในการสอน นี่เป็นเทอมแรกที่ได้สัญญาสอนยาวๆเป็นเทอมแบบนี้
เราก็บอกเด็กว่า นี่เธอหมดคาบละอย่าไปใหนนะ เดี๋ยวมีเรื่องจะคุย เกิดอะไรขึ้นครับพี่น้อง ก็ปรากฏว่าพอหมดคาบปุ๊บ เด็กก็เดินออกไปหน้าตาเฉยเลย ครูใหม่อย่างเราก็ได้แต่เอ๋อๆ อึ้งๆ
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้นะ คิดว่าจะจัดการกับสถานการณ์ดังกล่าวได้ง่ายๆ แต่ตอนนั้นยังใหม่อยู่ ทำอะไรไม่ค่อยถูก เพราะอยู่ในช่วงลองผิดลองถูกและหาประสบการณ์อยู่
ให้การที่เราคิดว่าเดินเข้าห้องเรียนมา แล้วสอนเนื้อหาที่เราต้องสอนนั้น ในโลกของความเป็นจริงของเด็กที่นี่ เป็นไปได้น้อยมากครับ เด็กนักเรียนที่นี่ไม่เหมือนนักเรียนที่เมืองไทยเลย ตอนที่เราเรียนหนังสืออยู่ที่เมืองไทย เวลาครูเดินเข้าห้องเด็กก็เงียบกริบทันที แต่อยู่นี่ไม่นะครับ เด็กแต่ละคาบเนี๊ยะ ไม่รู้เค๊าเป็นอะไรกัน รู้สึกว่าจะมีเรื่องเมาท์เรื่องคุยตลอด คนละอารมณ์กับตอนที่เราเป็นเด็กนักเรียนอยู่ที่เมืองไทย สมัยตอนที่เราเรียน
ก็เอาเป็นว่าสอนช่วงแรกๆ เด็กๆอยากลองของกันเยอะ ครูใหม่ก็ยังปั้มๆเป๋อๆอยู่ ทำอะไรไม่ค่อยถูก เด็กก็เลยไม่เห็นหัว ณ ตอนนั้น!!
No comments:
Post a Comment