ถ้าโรงเรียนจะลงทะเบียนเด็กเพิ่มมาอีกแค่ 1 คน ทางโรงเรียนก็จำเป็นที่จะต้องคุยกับสหภาพแรงงานครูก่อน ไม่งั้นก็จะเกิดเป็นเรื่องราวใหญ่โต เพราะทุกโรงเรียนจะมีครูประมาณ 90% เป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานครู
จริงๆแล้วการมีอัตราส่วนระหว่างครูกับนักเรียนแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
1:30
นักเรียนไม่เยอะจนเกินไป ครูก็ได้จะสอนง่ายๆ สอนได้ทั่วถึง นี่ก็เป็นอีกสวัสดิการของครูที่นี่ที่สหภาพแรงงานได้ต่อสู้และเรียกร้องมา
เราจำได้ว่าตอนที่เราเรียนมัธยมอยู่ที่เมืองไทย ถ้าจำไม่ผิดนะ คิดว่ามีนักเรียนอยู่ประมาณ 50 คนต่อหนึ่งห้อง แต่เราก็เรียนกันมาได้ไม่มีปัญหาอะไร เพราะนักเรียนไทย คนไทย สังคมไทย เด็กๆนักเรียนจะเชื่อฟังครูอยู่แล้ว เรามีพื้นฐานเรื่องของการเคารพนับถือผู้ใหญ่ การเคารพครูเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว
ต่างจากเด็กนักเรียนฝรั่งที่นี่ เด็กนักเรียนที่นี่จะชอบพูด ชอบคุย ชอบแสดงความคิดเห็น ซึ่งจริงๆแล้วก็เป็นการดี เพราะนั่นเป็นการแสดงออกถึงความคิด ความเชื่อมั่นในตัวเองและอะไรอีกหลายๆอย่าง แต่บางทีเด็กนักเรียนฝรั่งเค๊าก็เป็นประเภทพวก เถียงคำไม่ตกฟากเหมือนกัน ซึ่งจะมีเยอะมาก และก็เป็นอะไรที่น่าเบื่อที่สุด เด็กนักเรียนห้อง top class เป็นเด็กเรียนเก่ง จะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องนี้ จะมีปัญหาก็เด็กนักเรียนที่อยู่ห้องท้ายๆนี่แหละ บางทีห้องท้ายๆเนี๊ยะ มีเด็กนักเรียน 30 คนก็ถือว่าเยอะเกินไปเสียด้วยซ้ำ เพราะถ้าเป็นเด็กดื้อนี่คือดื้อแบบสุดๆ
สำหรับเด็กนักเรียนห้องท้ายๆ ถ้าหากมีนักเรียน 30 คนต่อห้อง ปัญหามันเยอะมาก บางโรงเรียนก็จะแบ่งเด็กห้องท้ายๆ หรือ bottom class ออกเป็น 2 ห้อง คือมีเด็กนักเรียนอยู่แค่ 15 คนเอง เพราะถ้าเอาเด็กดื้อและเด็กเรียนไม่เก่งมารวมกัน 30 คนเนี๊ยะ ครูคงตายแน่ๆ
แต่โดยทั่วไปแล้วอัตราส่วนระหว่างครูกับนักเรียนที่นี่ก็จะเป็น 1:30 ซึ่งก็ยังไม่ถือว่าดีเท่าประเทศฟินแลนด์ เพราะที่ฟินแลนด์ อัตราส่วนระหว่างครูกับเด็กจะอยู่ที่ 1:15 และทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมาก
แต่ก็อย่างว่าแหละ การที่จะต้องจ้างครู 1 คนมาสอนเด็กนักเรียนแค่ 15 คนมันก็ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงเหมือนกัน
เป็นครูอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย ถ้าได้สอนห้อง senior class ม.5 - ม.6 ด้วยแล้ว ยิ่งสบาย เพราะเด็กนักเรียนที่อยู่เรียนต่อ ม.5 กับ ม.6 ส่วนมากจะเป็นเด็กดี เพราะถ้าเด็กไม่ดี ไม่ชอบการเรียน พอจบ ม.4 หรืออายุครบ 17 เค๊าก็เลิกเรียนกันแล้ว ดังนั้นเด็กนักเรียนที่อยู่เรียนต่อ ม.5 - ม.6 ก็จะเป็นเด็กที่อยากเรียนจริงๆ ซึ่งก็มีไม่มาก ยิ่งถ้าเป็นวิชาเลือกอย่างวิชาคอมพิวเตอร์ด้วยแล้ว ยิ่งมีนักเรียนเลือกน้อย เพราะเด็กนักเรียนบางคนกลัวว่าจะเรียนยากเกิน อย่างตอนนี้ที่สอน ม.5 - ม.6 ก็จะเด็กนักเรียนห้องละแค่ 7 คนเอง
เด็กนักเรียนห้องละ 7 คน สอนสบายมาก ไม่เครียด เพราะเด็กนักเรียนก็จะโตๆกันแล้ว ไม่ใช่เด็กๆเหมือนพวกเด็ก ม.1 เป็นอะไรที่ชิวมากเลย มันทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ เพราะเราดูแลเด็กได้ทั่วถึง ตรวจงานเด็ก 7 คน แป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว
เป็นอาจารย์สอนเด็กมาหลายปีแล้ว เห็นด้วยกับอัตราส่วนระหว่างครูกับนักเรียนที่นี่มากเลยครับ
สำหรับเด็กนักเรียนห้องท้ายๆ ถ้าหากมีนักเรียน 30 คนต่อห้อง ปัญหามันเยอะมาก บางโรงเรียนก็จะแบ่งเด็กห้องท้ายๆ หรือ bottom class ออกเป็น 2 ห้อง คือมีเด็กนักเรียนอยู่แค่ 15 คนเอง เพราะถ้าเอาเด็กดื้อและเด็กเรียนไม่เก่งมารวมกัน 30 คนเนี๊ยะ ครูคงตายแน่ๆ
แต่โดยทั่วไปแล้วอัตราส่วนระหว่างครูกับนักเรียนที่นี่ก็จะเป็น 1:30 ซึ่งก็ยังไม่ถือว่าดีเท่าประเทศฟินแลนด์ เพราะที่ฟินแลนด์ อัตราส่วนระหว่างครูกับเด็กจะอยู่ที่ 1:15 และทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมาก
แต่ก็อย่างว่าแหละ การที่จะต้องจ้างครู 1 คนมาสอนเด็กนักเรียนแค่ 15 คนมันก็ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงเหมือนกัน
เป็นครูอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย ถ้าได้สอนห้อง senior class ม.5 - ม.6 ด้วยแล้ว ยิ่งสบาย เพราะเด็กนักเรียนที่อยู่เรียนต่อ ม.5 กับ ม.6 ส่วนมากจะเป็นเด็กดี เพราะถ้าเด็กไม่ดี ไม่ชอบการเรียน พอจบ ม.4 หรืออายุครบ 17 เค๊าก็เลิกเรียนกันแล้ว ดังนั้นเด็กนักเรียนที่อยู่เรียนต่อ ม.5 - ม.6 ก็จะเป็นเด็กที่อยากเรียนจริงๆ ซึ่งก็มีไม่มาก ยิ่งถ้าเป็นวิชาเลือกอย่างวิชาคอมพิวเตอร์ด้วยแล้ว ยิ่งมีนักเรียนเลือกน้อย เพราะเด็กนักเรียนบางคนกลัวว่าจะเรียนยากเกิน อย่างตอนนี้ที่สอน ม.5 - ม.6 ก็จะเด็กนักเรียนห้องละแค่ 7 คนเอง
เด็กนักเรียนห้องละ 7 คน สอนสบายมาก ไม่เครียด เพราะเด็กนักเรียนก็จะโตๆกันแล้ว ไม่ใช่เด็กๆเหมือนพวกเด็ก ม.1 เป็นอะไรที่ชิวมากเลย มันทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ เพราะเราดูแลเด็กได้ทั่วถึง ตรวจงานเด็ก 7 คน แป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว
เป็นอาจารย์สอนเด็กมาหลายปีแล้ว เห็นด้วยกับอัตราส่วนระหว่างครูกับนักเรียนที่นี่มากเลยครับ
No comments:
Post a Comment