ครูส่วนมากก็จะทำงานกันเต็มเวลาแหละ จันทร์-ศุกร์ เพราะเค๊าก็ถือว่าเป็นงานประจำ งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข
แต่ก็มีครูหลายคนที่เค๊าอยากจะดูแลลูกซึ่งยังเล็กอยู่ก็มี บางคนก็เลือกที่จะสอน 3 หรือ 4 วันก็มี ก็แล้วแต่สถานการณ์ เราอยากสอน วันใหน ลาวันใหน เราก็สามารถเข้าไปกรอกข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ได้เลย ง่ายๆ
ก็มีครูคนหนึ่งเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ เค๊าก็เลือกที่จะสอนแค่ 3 วัน เพราะวันหนึ่งเค๊าต้องดูแลลูก สลับกับภรรยา อีกวันหนึ่ง เค๊าก็หยุดอยู่บ้าน เพื่อเขียนวนิยาย เพราะจริงๆแล้วเค๊าอยากเป็นนักเขียนด้วย
และก็มีครูคู่สามีภรรยาอยู่ด้วยคู่หนึ่ง คนหนึ่งสอนแค่ 3 วัน อีกคนหนึ่งสอน 4 วัน ซึ่งเค๊าก็สลับกันอยู่บ้านดูแลลูก เค๊าก็เลือกให้คนที่มีอายุราชการน้อย (สามี) สอนแค่ 3 คน เพราะข้าราชการใหม่ อายุราชการยังน้อย หยุดไปเงินเดือนก็ไม่ได้มีผลกระทบมากเท่ากับคนที่มีอายุราชการมากกว่า
ส่วนทางโรงเรียนเองก็ต้องมีการจัดตารางสอนที่ให้มีผลกระทบต่อเด็กนักเรียนน้อยที่สุด จริงๆแล้วถ้าเราบอกทางโรงเรียนแต่เนิ่นๆว่าแต่ละปีเราจะสอนกี่วัน ทางโรงเรียนก็จะมีการจัดตารางสอนกันใหม่ ตอนใกล้ๆสิ้นปีอยู่แล้วทุกปี ดังนั้นวิชาของเราจึงไม่มีผลกระทบต่อเด็กนักเรียนมาก
ส่วนเราเองปีนี้ก็เลือกที่สอนแค่ 4 วัน และก็คิดว่าจะสอนแค่ 4 วันไปเรื่อยๆ คงไม่กลับไปสอน 5 วันแล้ว เพราะสอน 5 วัน fulltime มาก็ 4 ปีแล้ว ก็เลยคิดว่าสอนแค่ 4 วันนี้แหละจะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่นด้วย เช่น
- ทำงานบริษัทตัวเอง ส่วนตัว
- จะได้พักผ่อนด้วย อยู่ที่ออเตรเลียทำงานมาก เงินเดือนมาก เราก็เสียภาษีมาก
- ตอนนี้ถ้าว่างจากงานบริษัทส่วนตัว เราก็หาเวลาไปเขียนหนังสือ ebook อะไรของเราไปเรื่อยเปื่อย
- นอกจาก ebook แล้วตอนนี้ก็กลับมาเริ่มเขียน blogs เป็นจริงจังๆกันอีกรอบ หลัวจากที่เขียนๆ เลิกๆ ไปหลายปี ไม่ค่อยสม่ำเสมอ ก็คิดว่าหลังจากนี้คงมีเวลาในการเขียน blogs ต่างๆมากขึ้น จะดูสิว่ารายได้ passive income เนี๊ยะ มันจะ work มั๊ย
อยากจะลอง อยากจะรู้ว่า lifestyle ที่เราเลือกเนี๊ยะ มันจะออกมายังไง หัวหรือก้อย แต่ที่แน่ๆคือ ไม่กลับไปสอน 5 วันแล้ว เราก็อยากเอาเวลาพวกนี้ไปทำอย่างอื่นมั่ง เพื่อจะได้ slow life กับเค๊ามั่ง
No comments:
Post a Comment