Pages

Friday, October 23, 2015

ครู ขาด ลา หยุด กันบ่อยเหลือเกิน


เนื่องด้วยสหภาพแรงงานของครูที่ประเทศออสเตรเลียที่เข้มแข็งที่เราได้เคยเขียนเอาไว้คราวก่อน การที่ครูที่ออสเตรเลียจะขาด จะลา จะหยุดก็ถือเป็นเรื่องปกติ ปวดหัวนิดหน่อย ติดธุระนั่น นี่ โน่น ก็ลาสะละ ที่โรงเรียนรัฐบาลก็จะมีครูลาครูขาดกันแทบทุกวัน ผลัดกันลา ผลัดกันขาดอยู่นั่นแหละ หรือไม่ก็มีงานอบรบ นั่น นี่ โน่น ที่ครูต้องไป เพราะครูที่ออสเตรเลียจะไม่ชอบอบรมอะไรเสาร์-อาทิตย์กัน น้อยนักที่จะมีวันใหนที่มีครูมาสอนที่โรงเรียนครบทุกคน แล้วเวลาที่ครูขาดหรือหายไปแบบนี้ ทางโรงเรียนก็ต้องเรียกครูชั่วคราว (casual teacher) เข้ามาสอนแทน ซึ่งครูชั่วคราวเหล่านี้ก็ไม่ได้สอนอะไรมากมาย เพราะเราเองก็เคยเป็นครูสอนชั่วคราวแบบสอนรายวันมาก่อน ครูที่มาสอนแทนก็จะแบบว่าเข้ามาดูแลเด็กก็แค่นั้นเอง เนื้อหาอะไรก็ไม่ค่อยได้สอนกันเท่าไหร่ เพราะปกติแล้วครูที่สอนชั่วคราวแบบรายวันก็จะแค่แจกๆ sheet ที่ครูประจำชั้นทำเตรียมเอาไว้ให้ ก็แค่นั้นเอง

การที่ครูขาด หรือหายไปแบบนี้ เราคิดว่ามันมีผลต่อการเรียนของเด็กนักเรียน เพราะการเรียนการสอนจะไม่ต่อเนื่อง เพราะครูที่มาสอนแทนก็ไม่ได้สอนอะไรมากมาย มานั่งคุมๆเด็กและก็รอโรงเรียนเลิก ก็แค่นั้นเอง เป็นการสูญเปล่าของเวลา

ครูฝรั่งที่นี่ เอ๊ะอะอะไร สวัสดิการของเค๊าต้องมาก่อน จนบางทีก็ลืมนึกถึงไปว่า สรุปแล้วหน้าที่จริงๆของเค๊าคืออะไร

คนเราจะขาด จะลา จะป่วย เป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยเนี๊ยะ มันห้ามกันไม่ได้จริงๆ แต่ไอ้พวกที่ป่วยการเมืองนี่สิ ช่างเป็นเสนียดจัญไรของสังคมเลยจริงๆนะ มีครูหลายคนชอบสบาย มาชิวๆ สอนเช้าชามเย็นชาม รอแต่จะลา นั่น นี่ โน่น ใช้สวัสดิการของตัวเองให้ถึงที่สุด และคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือนักเรียน

เรานะกว่าจะขาด กว่าจะลา เราต้องคิดแล้วคิดอีก คิดว่าห้องใหนชั้นใหนมั่งที่จะต้องขาดเราไปในวันนั้นๆ คาบเรียนนั้นๆ เราไม่ได้ยกยอปอปั้นว่าตัวเองเก่งเลิศอะไร แต่ก็คิดว่าหัวใจ หน้าที่และความรับผิดชอบของความเป็นครูยังคงพอมี ถึงแม้ว่าเราจะเป็นครูมือใหม่ และก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะมาเป็นครูอะไรมากมายก็ตามเถอะ เราคิดว่าเราคิดถึงสวัสดิการและการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนมากกว่าครูหรืออาจารย์หลายๆคนที่ทำงานมานานมากกว่าเรา

เราก็เข้าใจนะว่าครูเองก็ต้องมีสวัสดิการของครูด้วย เพราะคนเราก็ไม่ใช่หุ่นยนต์หรือเครื่องจักรเครื่องกลอะไร จะขาด จะลา อะไรมันก็ทำกันได้ แต่ทุกอย่างก็ควรมีขอบเขต ดำเนินไปด้วยความพอดี เดินทางสายกลาง ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป ถ้าทำได้อย่างนั้นเราก็คิดว่า การเรียนการสอนที่โรงเรียนก็จะไม่มีผลกระทบมาก เป็นอะไรที่ win-win ด้วยกันทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเด็กนักเรียน ครู และก็โรงเรียนเองด้วยก็เถอะ

เรารู้และก็เชื่อมั่นว่าครูดีๆมีเยอะอยู่ถมไป แต่ครูจัญไรที่คอยเอาเปรียบสังคมก็มีเช่นกัน ออสเตรเลียเองก็เถอะ เมืองนอกก็เถอะ ฝรั่งก็เถอะ ไม่ได้เลิศหรูอะไรไปกว่าเมืองไทยเราหรอก

นิสัยมนุษย์เนี๊ยะ มันช่างไม่แบ่งชนชาติเลยจริงๆนะ...

No comments:

Post a Comment