ทุกคนที่ทำงานต้องการไต่เต้า เพื่อไปทำหน้าที่การงานที่สูงขึ้น ที่ออสเตรเลีย ค่าแรงของอาจารย์สอนประจำชั้นกับอาจารย์ผู้บริหารนั้นต่างกันลิบลับ อาจารย์ผู้บริหารจะได้เงินเดือนที่สูงมาก ดังนั้นอาจารย์หลายๆคนก็พยายามที่จะไต่เต้าขึ้นไปในตำแหน่งที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอาจารย์ที่มีอาชีพการสอนเป็นอาชีพหลัก เพราะนั่นมันคือรายได้หลัก หรือ main income ของพวกเขา แต่สำหรับเรา ไม่ใช่ เราทำงานอย่างอื่นซึ่งเป็นธุรกิจของตัวเองอยู่แล้ว เราก็เลยไม่ได้ดิ้นรนกระเสือกกระสนเหมือนอาจารย์คนอื่นเขา
ทุกครั้งที่มีตำแหน่งภายในเปิด ซึ่งก็เป็นแค่ตำแหน่งภายในโรงเรียนเองนะ แต่ก็รู้สึกว่าทุกคนยื่นใบสมัคร แก่งแย่งแข่งขันกันเหลือเกิน
ทุกครั้งที่มีตำแหน่งภายในเปิด ซึ่งก็เป็นแค่ตำแหน่งภายในโรงเรียนเองนะ แต่ก็รู้สึกว่าทุกคนยื่นใบสมัคร แก่งแย่งแข่งขันกันเหลือเกิน
ยิ่งทำงานตรงจุดนี้ๆนานๆไป มันก็ยิ่งเห็นความแตกต่างของอาจารย์แต่ละคน บางคนก็พร้อมที่จะละทิ้งหน้าที่การสอนทุกอย่างเพื่อไปทำงานในตำแหน่งที่สูงกว่า เปลี่ยนจากอาจารย์สอนประจำ ไปเป็นอาจารย์ผู้บริหาร เพราะตำแหน่งที่สูงกว่าเงินเดือนก็ดีกว่า ซึ่งเราก็เข้าใจนะ แต่เขาจะรู้บ้างใหมว่า ทันทีที่มีการผลัดเปลี่ยนตำแหน่ง จากอาจารย์สอนไปเป็นผู้บริหาร เด็กนักเรียนที่เขาสอนๆอยู่ก็จะเคว้งทันที เพราะนั่นคือมันจะต้องมีการเปลี่ยนตารางสอน หาอาจารย์ชั่วคราวมาสอนแทน ไม่เกิดการต่อเนื่องของการเรียนและการสอน คุณภาพการเรียนการสอนไม่ต่อเนื่อง ซึ่งจะมีผลกระทบแต่เด็กนักเรียนแน่นอน
เราเองก็เข้าใจนะว่าทุกคนก็ต้องการที่จะไต้เต้าหรือเลื่อนขั้นการทำงาน แต่เขาจะนึกถึงเด็กนักเรียนตาดำๆที่เขาทิ้งไว้ข้างหลังหรือเปล่านะ โดยเฉพาะเด็ก year 12 หรือ ม.6 ซึ่งจะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อมาก เพราะถ้าหากนักเรียนไม่มีอาจารย์ประจำมาสอน อาจารย์ที่ได้มาก็ผลัดเปลี่ยนกันมาเรื่อยๆ คุณภาพของการเรียนการสอนมันก็จะหายไป ยกตัวอย่างเช่น เอาอาจารย์สอนวาดรูป มาสอนแทนวิชาภาษาอังกฤษเป็นต้น เราคิดว่าสุดท้ายผลเสียก็คงต้องเกิดขึ้นกับเด็กนักเรียน
แต่ก็อย่างว่าแหละนะ อาจารย์ทุกคนต้องการเอาตัวรอด ต้องการเลื่อนขั้น ส่วนมากก็พร้อมจะที่เอาอนาคตของเด็กนักเรียนเข้าแลกเสมอ
มุมมองของเราอาจจะแตกต่างจากมุมมองของอาจารย์คนอื่นเพราะเรามีธุรกิจหรืองานส่วนตัวของเราอยู่แล้ว รายได้จากการสอนไม่ใช่รายได้หลัก แต่สำหรับอาจารย์คนอื่น ถ้ารายได้จากการสอนเป็นรายได้หลัก มันก็ต้องเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ที่เขาก็คงต้องการที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเยอะๆ และการเป็นอาจารย์สอนที่ออสเตรเลีย การก้าวกระโดดการขึ้นเงินเดือนที่เร็วที่สุดก็คือ การเปลี่ยนจากอาจารย์สอนไปเป็นผู้บริหาร
เราคิดว่าถ้าอาจารย์สอนได้ค่าแรงมากกว่านี้สะหน่อย อาจารย์หลายๆคนก็คงจะไม่ดิ้นรนที่อยากจะไปเป็นผู้บริหารกัน ถ้าทำอย่างนั้นได้จริงๆ ระบบการเรียนการสอนก็จะเป็นอะไรที่ต่อเนื่อง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรไปมาบ่อย
เราก็ไม่รู้นะ เราคิดว่าจุดยืนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง ทุกคนมีทางเลือกที่แตกต่าง แต่บางทีเราเห็นการตัดสินใจของใครบางคนแล้วก็อดที่จะคิดถึงผลกระทบที่จะมีต่อเด็กนักเรียนไม่ได้
ก็แค่นั้นเอง...
เราเองก็เข้าใจนะว่าทุกคนก็ต้องการที่จะไต้เต้าหรือเลื่อนขั้นการทำงาน แต่เขาจะนึกถึงเด็กนักเรียนตาดำๆที่เขาทิ้งไว้ข้างหลังหรือเปล่านะ โดยเฉพาะเด็ก year 12 หรือ ม.6 ซึ่งจะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อมาก เพราะถ้าหากนักเรียนไม่มีอาจารย์ประจำมาสอน อาจารย์ที่ได้มาก็ผลัดเปลี่ยนกันมาเรื่อยๆ คุณภาพของการเรียนการสอนมันก็จะหายไป ยกตัวอย่างเช่น เอาอาจารย์สอนวาดรูป มาสอนแทนวิชาภาษาอังกฤษเป็นต้น เราคิดว่าสุดท้ายผลเสียก็คงต้องเกิดขึ้นกับเด็กนักเรียน
แต่ก็อย่างว่าแหละนะ อาจารย์ทุกคนต้องการเอาตัวรอด ต้องการเลื่อนขั้น ส่วนมากก็พร้อมจะที่เอาอนาคตของเด็กนักเรียนเข้าแลกเสมอ
มุมมองของเราอาจจะแตกต่างจากมุมมองของอาจารย์คนอื่นเพราะเรามีธุรกิจหรืองานส่วนตัวของเราอยู่แล้ว รายได้จากการสอนไม่ใช่รายได้หลัก แต่สำหรับอาจารย์คนอื่น ถ้ารายได้จากการสอนเป็นรายได้หลัก มันก็ต้องเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ที่เขาก็คงต้องการที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเยอะๆ และการเป็นอาจารย์สอนที่ออสเตรเลีย การก้าวกระโดดการขึ้นเงินเดือนที่เร็วที่สุดก็คือ การเปลี่ยนจากอาจารย์สอนไปเป็นผู้บริหาร
เราคิดว่าถ้าอาจารย์สอนได้ค่าแรงมากกว่านี้สะหน่อย อาจารย์หลายๆคนก็คงจะไม่ดิ้นรนที่อยากจะไปเป็นผู้บริหารกัน ถ้าทำอย่างนั้นได้จริงๆ ระบบการเรียนการสอนก็จะเป็นอะไรที่ต่อเนื่อง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรไปมาบ่อย
เราก็ไม่รู้นะ เราคิดว่าจุดยืนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง ทุกคนมีทางเลือกที่แตกต่าง แต่บางทีเราเห็นการตัดสินใจของใครบางคนแล้วก็อดที่จะคิดถึงผลกระทบที่จะมีต่อเด็กนักเรียนไม่ได้
ก็แค่นั้นเอง...
No comments:
Post a Comment